สถานการณ์ทางการเมืองไทย

สถานการณ์ทางการเมืองไทย


            ในระบบการปกครองแบบประชาธิปไตยของบ้าน เมืองเราที่กำลังเป็นอยู่ในขณะนี้ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่มีความ รู้สึกอยู่สามประการคือกลัว เกลียด และเบื่อหน่ายการเมือง กลัว ว่าการเมืองจะเป็นสาเหตุของการปฏิวัติรัฐประหารทำให้เกิดผลกระทบที่เลวร้ายทางเศรษฐกิจและสังคม เกลียด เพราะในวงการเมืองมักมีการทุจริตคอร์รัปชันและการต่อสู้แย่งชิงอำนาจหรือผลประโยชน์และ เบื่อ เพราะปรากฎการณ์ในทางลบทางการเมืองมักจะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก นอก จากความรู้สึกในแง่ลบดังกล่าวแล้วยังมีอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การเมืองไทย เดินอยู่กับที่หรือถอยหลังเข้าคลองนั่นคือคนจำนวนไม่น้อยขาดความรู้ความเข้า ใจว่าการเมืองแบบประชาธิปไตยคือ อะไรดีไม่ดีอย่างไรหรือพูดง่ายๆ ก็คือไม่ทราบว่าประชาธิปไตยที่แท้จริงคืออะไร อาจจะทราบแต่เพียงว่า ประชาธิปไตยคือการไปเลือกตั้งเท่านั้น



            เพราะฉะนั้นการขาดคุณภาพของการเมืองไทยจึงมาจากสาเหตุสาม ประการ ดังกล่าวสิ่งที่สามารถแก้ความไม่รู้หรือไม่เข้าใจได้ก็คือการให้การศึกษาแก่ ผู้คนทุกเพศทุกวัยทั้งใน ครอบครัว ในสถานศึกษา ในชุมชน ในสังคมรวมทั้งในองค์กรต่างๆแต่ที่สำคัญที่สุดคือการศึกษาสำหรับเด็กและ เยาวชนซึ่งเป็นทรัพยากรอันมีค่าที่จะกุมอนาคตของชาติ ส่วนในครอบครัวก็จะต้องหาวิธีการทำให้แต่ละคนรู้ถึงบทบาทหน้าที่และสิทธิของ ตนที่จะนำมาช่วยสอดประสานส่งเสริมซึ่งกันและกัน เพื่อให้ดำรงชีวิตร่วมกันได้อย่างอยู่เย็นเป็นสุข สถานศึกษาควรบูรณาการเรื่องการเมืองการปกครองกับวิชา อื่นๆเพราะลักษณะทางการเมืองย่อมเกี่ยวเนื่องอยู่ในทุกเรื่อง ทุกสังคมหากเด็กได้เรียนรู้และปฏิบัติให้คุ้นชินกับระบบการเมืองการปกครองอยู่เสมอ แล้วคุณลักษณะที่ถูกต้องในระบอบประชาธิปไตยย่อมแทรกซึมเข้าไปในความคิด และ“คิดเป็น”ในเรื่องดังกล่าว การให้มีสภานิสิตนักศึกษา หรือสภานักเรียนนั้นดีแต่ครูบาอาจารย์ควรเน้นเรื่องของธรรมาธิปไตยหรืออำนาจที่ถูกต้องและเป็นธรรมที่อยู่เหนือำนาจอื่นด้วย โดยทำห้เข้าใจในธรรมของทุก ศาสนาซึ่งมีหลักการและวัตถุประสงค์ร่วมกันคือสอนให้คนเป็นคนดีมี ศีลธรรม เพราะศีลธรรมเป็น รากฐานของประชาธิปไตยที่แท้จริง ถ้าคนดีมีศีลธรรมประจำใจแล้ว สิ่งที่คนคิดคนทำก็จะดี ไม่ว่าจะเป็นผู้ถูกเลือกให้เป็นนักการเมือง หรือผู้ที่เลือกนักการเมืองซึ่งจะทำให้บ้านเมืองดีไปด้วย เพราะการเมืองเป็นเรื่องของทุกคน

         อย่างไรก็ตาม เรื่องของการศึกษาน่าจะเป็นเรื่องสำคัญที่สุดที่จะสร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องการเมือง และสร้างวัฒนธรรมประชาธิปไตยในวิถีชีวิตของทุกคน ขณะนี้มี หลายองค์กรทั้งรัฐและเอกชนกำลังร่วมมือกันในการเสริมสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริง เช่น กระทรวงศึกษาธิการที่ใช้ยุทธศาสตร์ 3D คือ เรื่องของการเสริมสร้างประชาธิปไตย (Democracy) คุณธรรม จริยธรรม (Decency) และห่างไกลยาเสพติด (Drug) มีการประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต. ในการจัดทำคู่มือการทำกิจกรรมการเรียนการสอนประชาธิปไตยในโรงเรียน การจัดให้มี “ลูกเสืออาสา” ร่วมงานกับ กกต. ส่วนกระทรวงวัฒนธรรมก็กำลังรณรงค์และเสริมสร้างวัฒนธรรมประชาธิปไตยในสังคมไทยอย่างจริง จังและที่สำคัญคือองค์กรใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้คือ สภาพัฒนาการเมือง ก็กำลังประสานงานในการเสริมสร้างระบอบประชาธิปไตยกับภาคประชาสังคมและองค์กรต่างๆรวมทั้งองค์กรทางการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม เนื่องจากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพ.ศ. 2550 ได้บัญญัติบทบาทหน้าที่ไว้หลายประการ เช่นการเสริมสร้างวัฒนธรรมอันดีทางการเมืองในวิถีชีวิตแบบ ประชาธิปไตยการส่งเสริมและพัฒนาการเมืองในส่วนที่เกี่ยวกับสถาบันการเมือง และการปกครอง การส่งเสริมพัฒนาศีลธรรมคุณธรรมและจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐ   การส่งเสริมให้ประชาชนมีความเข้มแข็งทางการเมือง โดยส่งเสริมและให้ความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนทุกเพศวัย  เกี่ยวกับการ พัฒนาการเมืองและการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ด้วย ความเชื่อว่า การศึกษาศาสนาและวัฒนธรรมในวิถีชีวิต เป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะทำให้บ้านเมืองของเราบรรลุวัตถุประสงค์

*ประพีร์พรรณ   ภาณวะวัฒน์  
สมาชิกสภาพัฒนาการเมืองมาตรา  7 (2)
กรรมการบริหารชมรมข้าราชการและ อาวุโสของกระทรวงศึกษาธิการ

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สมุทรสาคร : วงเวียนน้ำพุมหาชัย

ประชุมระดับจังหวัด สภาองค์กรชุมชนตำบล ครั้งที่ 2/57